6 พฤติกรรมที่ทำให้เป็นฝ้า
1.ไม่ทาครีมกันแดด
ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน 15 นาที และทาซ้ำอย่างน้อยวันละ 2 รอบคือ เช้า และบ่าย เนื่องจากครีมกันแดดที่ใช้โดยทั่วไปมักอยู่ปกป้องผิวหน้าได้เพียง 4-5 ชั่วโมง ต่อการทา 1 ครั้ง ดังนั้นการทาครีมกันแดดตอนเช้าเพียงครั้งเดียวไม่สามารถป้องกันแดดได้ตลอดวัน ในช่วงบ่ายถ้าเป็นไปได้ควรทาอีกรอบหลังล้างหน้า เพราะแสงอุลตร้าไวโอเลตมักจะแรงในช่วงตั้งแต่ 10 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น
2.โดดแดดเป็นเวลานาน ๆ
ทั้ง UVA และ UVB และแสงที่ตามองเห็น (Visible Light) เป็นตัวการหลักที่กระตุ้นให้เกิดฝ้า และยังอาจทำให้ผิวดูหมองคล้ำจากการไหม้หากตากแดดร้อนๆ เป็นเวลานานได้
3.ดื่มน้ำน้อย
ดื่มน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้วเป็นอย่างน้อย จะช่วยให้เติมไฮเดรทจากภายในร่างกายทำให้ผิวได้ดูซับไปใช้ได้เป็นอย่างดี พร้อมทั้งได้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย การดื่มน้ำเป็นวิธีที่ช่วยลด และป้องกันรอยฝ้าห้จางลง และยังสามารถส่งผลให้ผิวขาวใส เอิบอิ่มจากภายในสู่ภายนอกได้ (ไม่ควรดื่มน้ำทีเดียวพรวดๆ แต่ควรจิบๆน้ำให้ได้วันละ 8-10 แก้ว)
4.เครียด หรือพักผ่อนน้อย
เมื่อเรามีความเครียด ต่อมใต้สมองจะหลั่งฮอร์โมนเครียด กระตุ้นการสร้างเม็ดสีเมลานินในผิว สังเกตุง่าย ๆ
เมื่อเราเครียดสีผิวจะเข้มขึ้น หน้าดำคร่ำเครียด ขณะที่ฝ้าเก่าสียิ่งเข้มทวีคูณ
5.ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน
ส่วนใหญ่จะมาจากการแพ้เครื่องสำอางและทำให้เกิดการระคายเคือง การอักเสบ
ส่งผลให้เป็นรอยดำหมองคล้ำคล้ายฝ้า หรือทำให้ผิวอ่อนแอลงและถูกทำร้ายจากแสงแดดได้ง่าย
6.ใช้ยาหรือรักษาเอง
หากอาการฝ้าของคุณยังไม่ดีขึ้น ควรได้รับคำแนะนำ และหมั่นปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านฝ้าบ่อยๆ เพื่อได้รับการรักษาที่ดีที่สุด หลังจากนี้หากแพทย์จะให้คุณใช้ยาทาฝ้า หรือการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ ก็ควรหมั่นศึกษาข้อมูลเหล่านี้ให้มากๆ เพื่อให้เกิดผลดีต่อผิวหน้าของคุณ ในบางกรณีที่ได้รับยาทาฝ้าที่มีปริมาณไฮโรคิวโนนมากเกินไปก็จะทำใหน้าบาง ฝ้าฝังลึก หรือบางรายที่ได้รับการรักษาฝ้าด้วยเลเซอร์ก็มังมีอาการผิวไวต่อแสง
ทำให้การรักษาฝ้ายาวนาน และสิ้นเปลืองมากยิ่งขึ้น