สูบบุหรี่มีผลต่อการรักษาหลุมสิวหรือไม่?
การสูบบุหรี่มีผลกระทบอย่างมากต่อการรักษาหลุมสิว ทั้งในด้านการชะลอการฟื้นฟูบาดแผล
การเพิ่มการอักเสบ และการลดประสิทธิภาพของการรักษา
1. ชะลอการฟื้นฟูบาดแผล
การสูบบุหรี่ทำให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งส่งผลให้ผิวหนังได้รับออกซิเจนและสารอาหารน้อยลง การลดลงของการไหลเวียนเลือดนี้ส่งผลให้การฟื้นฟูบาดแผลช้าลง รวมถึงการฟื้นฟูหลุมสิวที่เกิดจากการอักเสบของสิวด้วย การฟื้นฟูผิวที่ช้าลงทำให้กระบวนการรักษาหลุมสิวต้องใช้เวลานานขึ้นและมีประสิทธิภาพลดลง
2. เพิ่มการอักเสบ
การสูบบุหรี่กระตุ้นการผลิตสารอนุมูลอิสระ (free radicals) ที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย สารอนุมูลอิสระเหล่านี้สามารถทำลายเซลล์ผิวหนังและกระตุ้นการอักเสบในบริเวณที่มีสิว ทำให้หลุมสิวมีความรุนแรงมากขึ้น การอักเสบที่เพิ่มขึ้นยังทำให้การรักษาหลุมสิวด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การใช้เลเซอร์หรือการทำ
Microneedling มีประสิทธิภาพลดลง
Microneedling มีประสิทธิภาพลดลง
3. ลดการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน
การสูบบุหรี่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสติน ซึ่งเป็นโปรตีนที่สำคัญในการรักษาความยืดหยุ่นและความแข็งแรงของผิวหนังเสื่อมสภาพลง ทำให้ผิวหนังหย่อนคล้อยและมีรอยเหี่ยวย่นมากขึ้น รวมถึงทำให้หลุมสิวดูชัดเจนขึ้น การลดลงของคอลลาเจนและอีลาสตินนี้ส่งผลให้การรักษาหลุมสิวด้วยวิธีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น การใช้เลเซอร์ Fractional CO2 หรือการทำ PRP (Platelet-Rich Plasma) มีประสิทธิภาพลดลง
4. เปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมน
การสูบบุหรี่สามารถเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกาย ซึ่งมีผลกระทบต่อการเกิดสิว การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนนี้อาจทำให้การรักษาสิวและหลุมสิวมีความซับซ้อนมากขึ้น และทำให้กระบวนการรักษาต้องใช้เวลานานขึ้น
5. การรักษาหลุมสิวในผู้สูบบุหรี่
แม้การสูบบุหรี่จะมีผลกระทบต่อการรักษาหลุมสิว การรักษายังคงเป็นไปได้ โดยแพทย์ผิวหนังอาจใช้วิธีการต่างๆ เช่น:
– การฉีดฟิลเลอร์ (Dermal Fillers): การฉีดฟิลเลอร์ เช่น Hyaluronic Acid Fillers ช่วยเติมเต็มหลุมสิวได้ทันที แม้ว่าการสูบบุหรี่จะลดการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน แต่การฉีดฟิลเลอร์สามารถช่วยให้ผิวดูเต็มและเรียบเนียนขึ้นได้ โดยไม่ต้องพึ่งกระบวนการสมานแผลของร่างกายที่อาจลดลงจากการสูบบุหรี่
– การฉีดสารกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน(Collagen Biositmulator): จะช่วยเพิ่มการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้กับคนที่สูบบุหรี่ได้มากขึ้นกว่าปกติ เป็นอีกวิธีที่จะช่วยเพิ่มผลลัพธ์การรักษาหลุมสิวให้ผู้ที่สูบบุหรี่
– การฉีดสาร Polynucleotide หรือ PN เป็นสารสกัดจากอัณฑะปลาแซลม่อนที่ช่วยซ่อมแซม DNA ของผิว ช่วยในการบวนการสมานแผล ช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลาเจนและอีลาสติน ช่วยปรับปรุงคุณภาพผิวของคนที่สูบบุหรี่ได้ จึงเป็นทางเลือกในการใช้รักษาหลุมสิวสำหรับคนที่สูบบุหรี่ได้
– การรักษาด้วยเลเซอร์ (Laser Treatment): การใช้เลเซอร์ เช่น Fractional CO2 Laser สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่และปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน แม้ว่าการสูบบุหรี่จะชะลอการฟื้นฟูผิว การรักษาด้วยเลเซอร์ยังคงมีประสิทธิภาพในการลดหลุมสิว
– การทำ Microneedling: Microneedling ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ การรักษาด้วย Microneedling ร่วมกับการใช้ PRP (Platelet-Rich Plasma) อาจเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผิว
– การใช้สารเคมี (Chemical Peels): การใช้กรดไตรคลอโรอะซิติก (TCA Cross) แต้มลงบนหลุมสิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน การรักษานี้สามารถทำได้แม้ผู้ป่วยยังคงสูบบุหรี่ แต่ผลการกระตุ้นก็อาจจะน้อยกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ หลักการนี้ต้องพึ่งกระบวนการสมานแผลเพราะคนที่สูบบุหรี่จะมีกระบวนการสมานแผลที่ลดลง แต่วิธีนี้ก็ยังมีประสิทธิภาพอยู่
สรุป
การสูบบุหรี่มีผลกระทบอย่างมากต่อการรักษาหลุมสิว โดยทำให้กระบวนการฟื้นฟูบาดแผลช้าลง เพิ่มการอักเสบ ลดการผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน และเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนในร่างกาย แม้การสูบบุหรี่จะลดประสิทธิภาพของการรักษาหลุมสิว แต่การรักษายังคงเป็นไปได้โดยการใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมและการดูแลผิวที่ถูกต้อง
Reference:
– [Acne.org, Does Smoking Cigarettes Cause Acne?](https://www.acne.org)
– [Drought Skin, Does Smoking Cause Acne?](https://www.droughtskin.com)
– [British Association of Dermatologists, Smoking worsens acne scarring, study finds](https://www.skinhealthinfo.org.uk)