รู้หรือไม่?
มียากินตัวไหนช่วยรักษาฝ้าได้บ้าง
การใช้ยากินเพื่อรักษาฝ้าเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ได้รับการศึกษาและมีการนำมาใช้ในบางกรณี ยาที่มักถูกใช้ในการรักษาฝ้าประกอบด้วย:
1. กรดทรานซามิก (Tranexamic Acid)
– ประสิทธิภาพ: กรดทรานซามิกมีการใช้ในการรักษาฝ้าทั้งในรูปแบบยากินและยาฉีด
มีการศึกษาที่พบว่ากรดทรานซามิกสามารถลดการผลิตเมลานินและลดการเกิดฝ้าได้
– การทำงาน: กรดทรานซามิกยับยั้งการกระตุ้น plasminogen ซึ่งมีผลลดการอักเสบและการสร้างเม็ดสีเมลานิน
– ผลข้างเคียง: อาจมีผลข้างเคียงเช่น อาการทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน
และมีความเสี่ยงต่อการเกิดลิ่มเลือด
2. กรดวิตามิน A (Retinoids)
– ประสิทธิภาพ: การใช้ยากินกรดวิตามิน A เช่น isotretinoin สามารถช่วยลดฝ้าได้
โดยการเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวและลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน
– ผลข้างเคียง: ผลข้างเคียงของ isotretinoin อาจรวมถึงผิวแห้ง ริมฝีปากแตก
และมีความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาตับ
3. กรดโฟลิก (Folic Acid)
– ประสิทธิภาพ: มีการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการขาดกรดโฟลิกอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้า
การเสริมกรดโฟลิกอาจช่วยปรับปรุงสภาพผิวได้บ้าง แต่ยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดพอ
4. วิตามินซี (Vitamin C)
– ประสิทธิภาพ: วิตามินซีมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน
การเสริมวิตามินซีอาจช่วยปรับปรุงสภาพผิวและลดฝ้าได้
5. Fernblock®
– Fernblock มีคุณสมบัติที่อาจช่วยในการรักษาฝ้าโดยการยับยั้งการสร้างเม็ดสีเมลานิน ลดการอักเสบ และปกป้องเซลล์ผิวจากความเสียหาย อย่างไรก็ตาม การใช้ Fernblock เป็นการรักษาฝ้าโดยตรงยังต้องการการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพและความปลอดภัย
Reference:
– [Journal of Cosmetic Dermatology](https://onlinelibrary.wiley.com/journal/14732165)
– [American Academy of Dermatology (AAD)](https://www.aad.org)
– [Mayo Clinic on Melasma](https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/melasma/symptoms-causes/syc-20374899)