Collagen biostimulator กับ ไหมน้ำ เหมือนกันหรือไหม?
และใช้ฉีดแทนฟิลเลอร์ – โบท็อกซ์ได้เลยไหม?
หรือแบบนี้ก็ไม่ต้องทำเครื่องยกกระชับผิวแล้วใช่ไหม?
บทความนี้ Dr.WOW จะมาเฉลยคำตอบ
Collagen biostimulators คืออะไร?
ปีที่แล้ว 2023 เป็นปีที่ยาฉีดหน้าเพื่อความสวยงามบุกเข้าตลาดเมืองไทยมากที่สุด ยิ่งฟิลเลอร์ตบเท้าเข้าไทยมากกว่า 10 แบรนด์ แต่มียาฉีดหน้าอยู่กลุ่มนึงที่ถ้าหมอไม่พูดถึงต้องเรียกว่าตกเทรนความงาม
ยุคใหม่ ยุคสวยสับ ตัวนั้นก็คือ “collagen biostimulator”

สรุปไหมน้ำเป็นส่วนหนึ่งของ Collagen biostimulator
แล้วเปลี่ยนมาฉีด collagen biostimulator แล้วไม่ต้องฉีด โบท็อกซ์-ฟิลเลอร์ได้หรือไม่?

การฉีด collagen biostimulator จะเน้นแก้ที่ชั้น superficial fat & skin texture.
ให้มีความแน่น หนาตัวและยืดหยุ่นดีขึ้นจาก collagen & elastin ที่เพิ่มขึ้น
โบท็อกซ์ หรือ botulinum toxin แก้ปัญหาที่ชั้นกล้ามเนื้อ ทั้งริ้วรอยและลดขนาดกล้ามเนื้อ
– ริ้วรอยหน้าผาก หางตา หว่างคิ้ว
– รอยย่นจมูกบันนี่ไลน์
– ลดปีดจมูก
– ริ้วรอยรอบปาก
– ลดกล้ามเนื้อกราม
– ฉีดลิฟท์ติ้ง ยกกระชับ
ฟิลเลอร์ ใช้แก้ไขบนใบหน้าได้มากกว่าการเติมเต็มร่องลึก
1. ปรับรูปหน้าโดยการเสริมตั้งแต่ชั้นกระดูก ฉีดได้บริเวณ หน้าผาก ขมับ เติมสันจมูก คางและกระดูกขากรรไกรล่าง
2. ฉีดยกเส้นเอ็นบนใบหน้า
– Lot
– Orbitomalar lagament
– Zycomatico-cutaneous ligament
– Platysma auricular fascia
– Mandibulat cutaneous ligament
– Mandibular septum
3. เติมเต็มร่องลึกและปรับสมดุลใบหน้า
– ร่องใต้ตา ร่องแก้ม แก้มตอบ เติมแก้มส้ม ร่องน้ำหมาก ร่องใต้ปาก
4. ตกแต่งทรงริมฝีปากและเสริมแนว Jawline


แต่ผลิตภัณฑ์ที่ออกมาเพื่อแก้ปัญหาชั้นผิวหนัง (skin) และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน (subcutaneous)
ที่แท้จริงก็คือสารกลุ่ม Collagen biostimulator นี่เอง เมื่อสารกลุ่มนี้เข้ามาในวงการความงามไทย
จึงทำให้หมอความงามอย่าง
#พี่หมอว้าวมีเครื่องมือในการทำสวยมากขึ้น แก้ปัญหาให้คนไข้ได้หลากหลาย
และการรักษาครอบคลุมทุกชั้นผิว
ฉะนั้นตัว Collagen biostimulator ไม่สามารถใช้แทนโบท็อกซ์ได้เนื่องจากไม่สามารถแก้ปัญหาริ้วรอยจากกล้ามเนื้อ หรือปรับรูปหน้าโดยลดขนาดกล้ามเนื้อแบบโบท็อกซ์ได้ แต่ใช้แทนการฉีดฟิลเลอร์ได้บางกรณี
และบางกรณีก็ใช้แทนไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น
– Collagen biostimulator สามารถฉีดทดแทนฟิลเลอร์งานผิวได้ ทำให้ผิวสว่างใส ผิวอิ่มฟู
และรูขุมขนกระชับจากการที่ผิวมีคอลลาเจนเพิ่มขึ้น
– Collagen biostimulator สามารถทำให้ผิวเฟริ์มกระชับได้ แต่ฟิลเลอร์ไม่สามารถทำได้
– Collagen biostimulator ช่วยแก้ปัญหาผิวในผิวหนังแท้ชั้นลึกและชั้นเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้มีการสร้างคอลลาเจนจริงๆมากขึ้น แต่ฟิลเลอร์งานผิวช่วยให้ผิวหนังชั้นบนมีความเรียบเนียนจากตัวฟิลเลอร์เอง
ไม่ใช่จากคอลลาเจนใหม่ที่ผิวหนังสร้างขึ้น
– ฟิลเลอร์สามารถใช้ฉีดปรับรูปหน้าได้ เช่น ฉีดเสริมหน้าผาก เสริมจมูก เสริมคาง
แต่ Collagen biostimulator ทำไม่ได้
– ฟิลเลอร์สามารถฉีดเติมเนื้อเยื่อบุได้ เช่น ริมฝีปาก แต่ Collagen biostimulator ทำไม่ได้
สามารถทำเครื่องยกกระชับผิวควบคู่หรือภายหลังทำ Collagen biostimulator ได้หรือไม่
โดยหลักการแล้วการฉีด Collagen biostimulator จะอยู่ที่ชั้นผิวหนังแท้ชั้นลึก(deep dermis)และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชั้นตื้น(superficial fat) และทำให้ผิวหนังมีการสร้างคอลลาเจนและเพิ่มความหนาตัวของชั้นผิว คล้ายกับหลักการของเครื่องมือปล่อยพลังงานเช่น Ulthera ,Thermage , fractional microneedleRF , HIFU แต่ในเรื่องการยกกระชับผิวนั้นสารกลุ่ม Collagen biostimulator ไม่สามารถยกชั้นผิวได้มากเท่าเครื่อง Ulthera เพราะไม่สามารถทำให้ collagen band หนาตัวได้มากเท่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องรอผลงานวิจัยในอนาคตที่ทำเทียบกัน
Collagen biostimulators คือสารที่ใช้ฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวมนุษย์โดยระบบชีวภาพ
⁃ สาร Collagen biostimulators จึงมีหลายตัวและมีจุดเด่นในการฟื้นฟูผิวแตกต่างกัน ขึ้นกับเทคโนโลยีการผลิตคิดค้น
⁃ Collagen biostimulators คือสารกลุ่ม biodegradable polymer หรือสารมวลโมเลกุลสูงที่ประกอบไปด้วยหน่วยซ้ำ(โพลิเมอร์) สารนี้ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวในชั้นsuperficial fat และ soft tissue แล้วจะทำหน้าที่เป็นนั่งร้านหรือ scaffold ทำให้เหมือนมีบาดแผลเล็กๆในเนื้อเยื่อ จึงเกิดการกระตุ้นปฏิกิริยาการอักเสบของร่างกายให้ตอบสนองกับสารที่ฉีดเข้าไป เมื่อมีปฏิกิริยาการอักเสบแล้ว จะมีการกระตุ้นการสร้าง fibroblast ใหม่
⁃ สร้างสารเรียกเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด Macrophage เข้ามาบริเวณนั่งร้านและมีเซลล์ fibroblast ตามเข้ามาสร้างคอลลาเจนและอีลาสสตินใหม่ มาเกาะบริเวณนั่งร้านนั้นมากขึ้น จึงทำให้ผิวหนาตัวขึ้น ยืดหยุ่นมากขึ้น ได้เป็นผิวใหม่ที่มีความกระชับ อิ่มฟู มีความยืดหยุ่น ได้ผิวใหม่ผิวเด็กที่เต็มไปด้วยคอลลาเจน
⁃ สารที่ฉีดเข้าไปถ้ามีขนาดและรูปทรงต่างกันก็จะมีความสามารถในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนต่างกันด้วย ทำให้ได้ผลลัพธ์ต่างกัน ระยะเวลาที่สารนั้นคงอยู่ในร่างกายต่างกัน กลไกการทำงานของสารต่างกัน รวมถึงผลข้างเคียงต่างกันด้วย ฉะนั้นจึงต้องมารู้ว่าเราจะเลือกตัวไหนเข้าหน้าดี สารตัวไหนเหมาะกับสุขภาพและความต้องการของเรา
⁃ แบ่งเป็นกระตุ้นการสร้าง fibroblast ใหม่ 2 ค่ายหลัก ตามปฏิกิริยากInflammatory processารกระตุ้น คือ inflamatory และ non-inflamatory process
บทความนี้ Dr.WOW จะมาเล่าอย่างละเอียดเรื่อง Collagen biostimulators
Collagen biostimulators คือสารที่ใช้ฉีดเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวมนุษย์โดยระบบชีวภาพ
⁃ สาร Collagen biostimulators จึงมีหลายตัวและมีจุดเด่นในการฟื้นฟูผิวแตกต่างกัน ขึ้นกับเทคโนโลยีการผลิตคิดค้น
⁃ Collagen biostimulators คือสารกลุ่ม biodegradable polymer หรือสารมวลโมเลกุลสูงที่ประกอบไปด้วยหน่วยซ้ำ(โพลิเมอร์) สารนี้ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งเมื่อฉีดเข้าไปใต้ผิวในชั้นsuperficial fat และ soft tissue แล้วจะทำหน้าที่เป็นนั่งร้านหรือ scaffold ทำให้เหมือนมีบาดแผลเล็กๆในเนื้อเยื่อ จึงเกิดการกระตุ้นปฏิกิริยาการอักเสบของร่างกายให้ตอบสนองกับสารที่ฉีดเข้าไป เมื่อมีปฏิกิริยาการอักเสบแล้ว จะมีการกระตุ้นการสร้าง fibroblast ใหม่
⁃ สร้างสารเรียกเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิด Macrophage เข้ามาบริเวณนั่งร้านและมีเซลล์ fibroblast ตามเข้ามาสร้างคอลลาเจนและอีลาสสตินใหม่ มาเกาะบริเวณนั่งร้านนั้นมากขึ้น จึงทำให้ผิวหนาตัวขึ้น ยืดหยุ่นมากขึ้น ได้เป็นผิวใหม่ที่มีความกระชับ อิ่มฟู มีความยืดหยุ่น ได้ผิวใหม่ผิวเด็กที่เต็มไปด้วยคอลลาเจน
⁃ สารที่ฉีดเข้าไปถ้ามีขนาดและรูปทรงต่างกันก็จะมีความสามารถในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนต่างกันด้วย ทำให้ได้ผลลัพธ์ต่างกัน ระยะเวลาที่สารนั้นคงอยู่ในร่างกายต่างกัน กลไกการทำงานของสารต่างกัน รวมถึงผลข้างเคียงต่างกันด้วย ฉะนั้นจึงต้องมารู้ว่าเราจะเลือกตัวไหนเข้าหน้าดี สารตัวไหนเหมาะกับสุขภาพและความต้องการของเรา
⁃ แบ่งเป็นกระตุ้นการสร้าง fibroblast ใหม่ 2 ค่ายหลัก ตามปฏิกิริยากInflammatory processารกระตุ้น คือ inflamatory และ non-inflamatory process
⁃ สารที่ฉีดเข้าไปแล้วกระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ กับ สารอีกกลุ่มที่ไม่กระตุ้นผ่านปฏิกิริยาอักเสบ ข้อดีของสารที่อยู่ในกลุ่มกระตุ้นปฏิกริยาการอักเสบ คือ สามารถกระตุ้นให้เกิดการสร้าง fibroblast ใหม่ได้มากกว่าสารกลุ่มที่ไม่กระตุ้นผ่านปฏิกริยาการอักเสบ เพราะสารในกลุ่มที่ไม่กระตุ้นผ่านปฏิกริยาการอักเสบ จะเป็นเพียงการยืดแขนขาของ fibroblast ให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น ไม่ได้เกิด fibroblast ใหม่ เพราะฉะนั้นข้อดีของสารกลุ่มที่ไม่กระตุ้นผ่าน ปฏิกริยาการอักเสบนั้นคือการกระตุ้นการทำงานของ fibroblast ให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินใหม่ได้ โดยไม่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย สารกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มาจากธรรมชาติ เช่น calcium hyaluronic acid หรือ Polynucleotide เหมาะกับคนที่ไม่ต้องการให้ร่างกายเกิดการอักเสบ หรือมีโรคประจำตัว โรคภูมิแพ้ โรคที่เกี่ยวกับภูมิคุ้มกันไวเกิน

1. สารกลุ่มที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนโดยผ่าน inflammatory process
–PDO (Polydioxanone)
ไหมน้ำ PDO สารกลุ่มแรกที่เรารู้จักกันดีในรูปแบบของแข็ง คือ ไหมเส้น PDO ที่เคยฮิตน้ำมาร้อยหน้า
ในอดีตที่ช่วยทำให้หน้ายกกระชับ เป็นวัสดุที่นิยมใช้มากที่สุด เพราะมีความแข็งแรงและยืดหยุ่นสูง
⁃ ต่อมาสารPDO ได้ผลิตออกมาผงเป็นเม็ดเมื่อนำมาผสม จะได้เป็นน้ำที่เต็มไปด้วย particle เล็ก ๆ
เป็นสารแขวนลอย เมื่อฉีดเข้าผิวเพียงไม่กี่จุดทั่วใบหน้าจะกระจายไปบริเวณที่ผิวขาดคอลลาเจน
เปรียบเสมือนการร้อยไหมเป็นพันเส้น
⁃ เป็นแบรนด์ไหมน้ำ PDO ที่ผ่านอย.ไทยแบรนด์เดียวที่ถูกเรียกกว่าไหมน้ำ และอยูในกลุ่มสาร Collagen biostimulators
⁃ Ultracol ฉีด 1 ขวดเท่ากับร้อยไหม 1,427 เส้น
⁃ Ultracol สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน Type I และ Type III ได้นาน 6-8 เดือน
โดยไม่เสี่ยงเป็นก้อน Nodule หรือ Granuloma
⁃ หลังทำ Ultracol จะส่งผลให้เพิ่มความหนาแน่นและยืดหยุ่นของชั้นผิวได้ถึง 34.36%
เพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิว 9.15% ลดเลือนริ้วรอย 13.33% ลดการบาดเจ็บ
และลดความบวมช้ำจากการร้อยไหมเส้นแบบเก่า
⁃ Ultracol มี protocol ที่สามารถฉีดได้หลายบริเวณกว่าแบรนด์อื่น เช่น หน้าผาก ใต้ตา ร่องแก้ม
แต่เนื่องจากการสลายตัวที่ไวภายใน 4-12 สัปดาห์ ผลลัพธ์จึงอยู่ได้สั้นกว่า
Collagen biostimulators ตัวอื่น
⁃ ผลลัพธ์ของ Ultracol คือ 8-12 เดือน 1 ปีต้องฉีด 3 ครั้ง ห่างกัน 1-3 เดือน
⁃ Ultracol เด่นเรื่องนำมาฉีดแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำ ใต้ตาลึก สำหรับคนที่ไม่เหมาะกับฟิลเลอร์หรือฉีดฟิลเลอร์มาแล้วเป็นก้อน
⁃ PCL(Polycaprolactone) เป็นสารที่ใช้ทำไหมละลายเช่นเดียวกัน มาในแบรนด์ชื่อ Gouri มีจุดเด่นที่การจายตัวของยา ฉีดเพียงไม่กี่จุดยาก็จะกระจายทั่วใบหน้า ไม่ต้องเปิดแผลเยอะ และมาในรูปแบบไซริ้งพร้อมใช้ แพทย์ไม่ต้องผสม ไม่เสี่ยงต่อการปนเปื้อน ใช้ปริมาณยาน้อย หน้าละ 2cc / 1 ครั้ง
⁃ สาร PCL ทำหน้าที่เป็นนั่งร้านกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินมาเกาะบริเวณผิวที่ฉีดเข้าไป สามารถใช้เข็มแหลมหรือเข็มทู่ฉีดก็ได้ ฉีดกระจายตาม protocal ยาจะกระจายทั่วหน้า เนื่องจากตัวยามีการกระจายตัวได้ดีมาก ผิวหนังบริเวณที่ยาซึมออกไปก็จะเกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ เช่น ฉีดบริเวณใกล้ๆใต้ตาก็สามารถทำให้ผิวใต้ตาดีขึ้นด้วย ที่สำคัญไม่ต้องนวด
⁃ จุดเด่นอีกข้อคือยังไม่เคยมีรายงานการเข้าเส้นเลือดหรืออุดตันเส้นเลือด
⁃ Gouri มีการกระตุ้น inflammatory process มาก จึงอาจมีการบวมอักเสบได้ อาจทำให้ผิวหนังมีอาการแดงหลังฉีดได้ จึงแนะนำให้กินยาแก้แพ้ก่อนทำ หรือหากมีการบวมอักเสบภายใน 5-10 วันหลังทำถือเป็นอาการปกติ แพทย์จะให้ทานยาลดการอักเสบแล้วอาการจะหายได้เอง การฉีด Gouri ฉีดติดต่อกัน 1-3 เดือนต่อครั้ง อยู่ได้นาน 8-12 เดือน
⁃ใช้แก้ปัญหาริ้วรอยบริเวณหน้าผาก รอบดวงตา หัวตาใต้ตา รอบปากได้ดีมาก ไม่เหมาะกับคนไข้โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น SLE ทานยากดภูมิ และข้อเสียคือเสี่ยงต่อการบวม
⁃ PLLA(Poly-L-Lactic) คือสารกลุ่มไหมเส้นที่เคยผลิตเป็นของแข็ง แต่ข้อเสียคือมีความเปราะบาง ขาดและแตกง่าย ต่อมาจึงนำสารมาผลิตในรูปแบบสารแขวนลอย พบว่าโมเลกุลของสาร PLLA ซึ่งเป็นรูปแท่ง มีแง่งให้เซลล์เม็ดเลือดขาวมาเกาะจับได้ดี ทำให้กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มาก
⁃ เริ่มแรกนำมาฉีดให้กับเคส HIV ที่มีปัญหา lipodystrophy มีหน้าตอบแก้มตอบที่เกิดจากไขมันบนผิวหน้าสลายตัว ปรากฎว่าช่วยเสริมสร้างผิวใหม่เนื้อเยื่อใหม่ให้กับผิวคนไข้ได้ดีมากหลังฉีดไป พบว่าผิวแก้ม ขมับ ของคนไข้ที่ฉีดไปมีการเติมเต็มและอิ่มฟูมากขึ้น แต่ก็พบปัญหา granduloma หรือเป็นก้อนใต้ผิวหนังได้บ่อย
⁃ ซึ่งแบรนด์ Scultpra จึงมีการพัฒนาสูตรและวิธีการผสมให้เจือจางลง กำหนดบริเวณที่ฉีดเพื่อป้องกันผลข้างเคียงและใส่ผสมในสาร CMC เพื่อให้ฉีดไปแล้วผิวที่ฉีดอุ้มน้ำผิวหน้าอิ่มฟูในเฟสแรกเพื่อรอให้สาร PLLA ออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างคอลเจนและผิวใหม่ต่อในเฟสที่2 กระบวนการในเฟสที่ 2 นี้จะเริ่มประมาณ1-3เดือน
⁃ มีผลงานวิจัยออกมาว่า Sculptra สามารถกระตุ้น collagen type I ให้สร้างขึ้นใหม่เพิ่มถึง 66.5% และผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนานมากกว่า 24 เดือน หากฉีดตาม protocal เช่น ถ้าอายุ 30ปี ให้ใช้ 3ขวด อายุ40ปี ให้ใช้ 4ขวด โดยเป็นการแบ่งฉีด 1-3 รอบห่างกัน 1 เดือน หรือช้าสุด 3 เดือน หลังฉีดไปจะต้องนวดหน้าตามวิธีที่คุณหมอสอนต่ออีก 5 วัน เพื่อให้ตัวยากระจายเข้าผิวอย่างสมบูรณ์
⁃ ผลลัพธ์ที่ได้ช่วงแรกจะได้ผิวที่อิ่มฟูก่อน จากสาร CMC ที่ใส่เข้าไปในกระบวนการผลิต บางคนอาจบวมได้ใน4-7วันแรก แล้วจะผิวจะยุบตัวกลับมาเป็นปกติเหมือนไม่ได้ฉีดอะไร ไม่ต้องตกใจ เมื่อสาร PLLA ออกฤทธิ์ภายใน 3-4 สัปดาห์หลังฉีด จึงจะทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ที่แท้จริง จะเห็นว่าผิวหน้ามีความยกกระชับ รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยลดลง ผิวแน่นขึ้น มีคอลลาเจนมากขึ้น
⁃ PDLLA(Poly D , L-Lactic) เป็น Polymer ที่ดัดแปลงโครงสร้างโมเลกุลต่อมาจากสาร PLLA ทำให้โมเลกุลออกมามีรูปทรงกลม ลดการกระตุ้นการอักเสบของร่างกายที่มากเกินไปได้ จึงลดความเสี่ยงต่อการเกิด granuloma หรือก้อนใต้ผิวหนัง มีรูปทรงเป็นทรงกลมเพิ่มพื้นที่ผิวในการเกาะสัมผัสของ Macrophages ได้มากขึ้น
⁃ สาร PDLLA จึงสามารถกระตุ้นให้เกิดการสร้าง collagen type I, III, elastin และ VEGF ที่เป็น growth factor ที่ช่วยสร้างเส้นเลือดด้วย รวมทั้งการสลายตัวของสาร PDLLA ไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาความเป็นกรดใต้ผิว microsphere ของสารPDLLA มีการสลายทีละน้อยเป็นเนื้อเดียวกันจึงทำให้เมื่อหมดอายุการใช้งานผิวจะไม่เป็นคลื่น
⁃ PDLLA มีใช้ใน 3 แบรนด์คือ Aesthefill Juvelook Lenisna ทั้ง3 ตัวนีัเป็นรูปทรงกลมเหมือนกัน แตกต่างกันที่ ขนาดโมเลกุลเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน และ ปริมาณสาร PDLLA จึงมี indication หรือข้อบ่งชี้ในการใช้ไม่เหมือนกัน ใช้ฉีดต่างบริเวณกัน
⁃ ขอกล่าวถึง 2 พี่น้องJuvelook & Lenisna จากประเทศเกาหลี🇰🇷กันก่อนเพราะฮอตฮิตและดังในหลายประเทศแถบเอเชีย และถือลิขสิทธิ์ particle ที่เป็น reticulate structure รูปร่างเป็นทรงกลมมีรังผึ้งอยู่ภายใน ไม่ใช่ทรงกลมกลวงเหมือนอีกแบรนด์ ทำให้การออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้มากกว่าแบบกลวง
⁃ Juvelook 50mg ประกอบด้วยสารPDLLA 42.5 mg + non-cross link hyaluronic acid 7.5mg มี PDLLA โมเลกุลขนาดเล็กเฉลี่ยประมาณ 25 microns จึงสามารถใช้ฉีดบริเวณผิวหนังชั้นตื้นแก้ริ้วรอย finelineได้ ฉีดใต้ตาได้ ฉีดแก้ปัญหาหลุมสิวและรอยแตกลายได้ และสามารถฉีดโดยเข็มแหลมได้ แต่จะมีอายุอยู่ได้ 12 เดือน หากทำติดต่อกัน 3 ครั้ง ทุก 1 เดือน
⁃ Lenisna 200mg ประกอบด้วยสาร PDLLA 170mg + non-cross link hyaluronic acid 30mg โมเลกุลของ PDLLA มีขนาดโมเลกุลเฉลี่ย 51 microns มีขนาดใหญ่กว่า Juvelook เกือบ2 เท่า และ Lenisna ใส่สาร PDLLA มาปริมาณใกล้เคียงกับสาร PLLA ที่ใส่ใน Sculptra จึงทำให้ออกฤทธิ์กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ใกล้เคียงกัน แต่เกิดปฏิกิริยาการอักเสบน้อยกว่า และเห็นผลเรื่องผิวกระจ่ายใส หน้าฉ่ำวาวหลังฉีดทันทีเนื่องจากผลของ non-cross link-HA ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 12-16 เดือน (บางงานวิจัยบอกถึง24เดือน) หากทำติดต่อกัน3 ครั้ง ทุก 3 เดือน
⁃ Aesthefill จากประเทศไต้หวัน🇹🇼เป็นสาร PDLLA 156mg ที่ผสมมากับ CMC ทำให้ฉีดเข้าไปใต้ผิวแล้วเกิดการเพิ่ม volume ให้ผิวหลังฉีดทันทีในเฟสแรกคล้ายกับ Sculptra ปริมาณสาร PDLLA ที่ผสมเท่ากับ Lenisna ขนาดโมเลกุลอยู่ในช่วง40-63 microns รวมทั้งรูปทรงเป็นแบบ microsphere ทรงกลมกลวง แต่ไม่มีร่างแหอยู่ในทรงกลมเหมือนแบรนด์ Juvelook&Lenisna จึงออกฤทธิ์ใกล้เคียงกัน มีการกระตุ้น fibroblast เกิดใหม่การสร้างคอลลาเจนได้โดยที่เกิดปฏิกิริยาการอักเสบน้อยลง ทั้ง Lenisna และ Aesthefill ถือว่าเป็นดู๊ปของ Sculptra ฝั่งเอเชีย โดยงบที่ประหยัดกว่าเสี่ยง granuloma น้อยกว่า
2. สารกลุ่มที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนแบบ non- inflammatory process
⁃ CaHA(Calcium hydroxylapatite) แคลเซี่ยมเป็นสารที่มีในธรรมชาติ มีในร่างกายมนุษย์ เป็นส่วนประกอบของกระดูกและฟัน
⁃ Radiesse คือ 33%CaHA microsphere + CMC ที่มีขนาดโมเลกุล 25-45 microns มีรูปร่างเป็นทรงกลม ทำหน้าที่เป็นสารนั่งร้านกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ มาในรูปแบบไซริ้งพร้อมฉีดเลยมีปริมาตรหลอดละ 1.5 ml ใช้ฉีดแบบ filler บริเวณคางและ Jawline ได้
⁃ ความพิเศษของ Radiesse คือสามารถฟื้นฟูผิวได้มากกว่าที่ Sculptra ทำได้ คือการกระตุ้นการสร้างสารอื่นและยังกระตุ้นการสร้าง collagen type I ได้มากกว่าด้วย (Sculptra = 66.5%) แต่เป็นเป็นการทดลองโดยใช้ Radiesse 2ไซริ้ง แต่ใช้ Sculptra 1 ขวด
⁃ กระตุ้นการสร้าง collagen type I 150% (คอลลาเจนหลักในร่างกาย)
⁃ กระตุ้นการสร้าง collagen type III 130% (คอลลาเจนที่ทำให้ผิวเด็ก ผิวนุ่ม)
⁃ เพิ่ม Elastin ได้ 260%
⁃ เพิ่มสารน้ำ Proteoglycan ช่วยเป็นน้ำหล่อเลี้ยงผิว
⁃ กระตุ้นกระบวนการ angiogenesis สร้างเส้นเลือดใหม่นำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงผิว
สามารถนำมาฉีดได้ 4 วิธี
1. ฉีดกรอบหน้า เติมคาง ร่องแก้มแบบ filler 1 หลอดมี 1.5ml ไม่ต้องผสม จะได้ผลในการเพิ่มขึ้นของ volume จาก CMC gel ในช่วงเฟสแรก 3-6 เดือน และมีการกระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิวต่อเนื่อง ในเดือนที่ 3-4 ต่อไปและสามารถอยู่ได้นาน 1-2 ปี
2. ผสมรวมกับฟิลเลอร์ ทำให้กระตุ้นการสร้างให้เกิดคอลลาเจนใหม่ในบริเวณนั้นได้ด้วย
3. ผสมเจือจางมาฉีดเติมเต็มยกกระชับหน้าแบบ Sculptra ได้ แต่สามารถฉีดได้ทั้งหน้า
ฉีดใต้ตา ร่องแก้มได้ด้วย
4. ผสมแบบเจือจางมากๆ นำมาฉีดยกกระชับ body เนินอก ก้น ให้ดูกระชับขึ้นได้
หากใครที่ต้องการให้ร่างกายมีการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ โดยไม่อยากทำให้ร่างกายต้องมีการอักเสบ เลือกใช้ Radiesse จะเหมาะสมกว่า อีกทั้งยังสามารถใช้ฉีดได้หลายแบบ หลายบริเวณ รวมทั้งสามารถนพมาฉีดฟื้นฟูผิวที่มือได้อีกด้วย
ข้อควรรู้ : การฉีด 1 ครั้ง ใช้ 1-2 ไซริ้งต่อ1 หน้า แต่ละปัญหาอาจต้องใช้ปริมาณยาและการผสมที่แตกต่างกัน ดังนั้นผลลัพธ์ในการฉีดอาจอยู่ได้นานไม่เท่ากัน แล้วแต่บุคคล หรือแล้วแต่ indication ที่ใช้ด้วย จึงเป็น range กว้างๆคาดการณ์ว่าผลลัพธ์จะอยู่ได้ยาวนาน 1-2 ปี
⁃ PN(Polynucleotide) สารสกัดจากอสุจิปลาแซลม่อน เป็นสารอีกชนิดที่กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้เกิดใหม่ได้ กลไกเกิดจากไปกระตุ้นให้ fibroblast ทำงานมากขึ้น และทำหน้าที่เป็นสารนั่งร้านให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและ extracellular matrix รวมทั้งกระตุ้นให้เกิดการซ่อมเซลล์ให้เกิดใหม่และ wound healing PN ที่รู้จักกันดีคือ Rejuran ได้ผลดีกับการกระตุ้นคอลลาเจนในการรักษาปัญหา fineline ได้ดี แต่เนื่องจากเป็นสารที่ไม่ได้สกัดจากมนุษย์ จึงทำให้ได้ผลลัพธ์ไม่เท่ากันในแต่ละบุคคล และ PN ไม่สามารถแก้ปัญหา volume loss ได้เหมือนสาร collagen biostimulator ตัวอื่น
⁃ HA(Hyaluronic acid) เมื่อฉีดเข้าใต้ชั้นผิว โมเลกุลของ HA จะกระตุ้นทำให้เกิดการยืดตัวของ fibroblast กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ จึงนับเป็น collagen biostimulator อีกตัว
Gouri

Gouri ตัวช่วยฟื้นฟูผิวในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบ ทั้งครีม ตัวยา เซรัม หรือตัวเครื่อง ให้ผู้ที่มีปัญหาผิวทั้งหลายได้เลือกสรรใช้ได้ตามความเหมาะสม เนื่องจากแต่ละตัวก็จะมีความเหมาะสมกับปัญหาผิว หรือสภาพผิวที่แตกต่างกัน จึงทำวงการแพทย์ให้มีการวิจัยสิ่งที่นำมาเพื่อตอบสนองปัญหาแต่ละแบบเพิ่มขึ้นในทุก ๆ วัน โดยนวัตกรรมล่าสุดของโลก คือนวัตกรรม ไหมน้ำ ตัวแรกและตัวเดียวในโลก หรือที่เรียกว่า Gouri
Gouri ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ?
– ช่วยเรื่องยกกระชับผิวเต่งตึง
– ช่วยเรื่องผิวดูอ่อนวัยขึ้น
– ช่วยเรื่องริ้วรอยร่องลึกดูจางลง
– ช่วยเรื่องคงผลลัพธ์ได้นาน 18-24 เดือน
– ช่วยเรื่องปลอดภัยไม่ทำลายเนื้อเยื่อผิว
– ช่วยเรื่องใช้ได้กับทุกบริเวณทั่วใบหน้า
Gouri เหมาะกับใคร ?
– เหมาะกับคนที่ใบหน้ามีริ้วรอยแห่งวัย
– เหมาะกับคนที่ผิวหน้าโทรม หน้าดูไม่สดใส
– เหมาะกับคนที่ผิวหน้ามีรอยเหี่ยว หย่อนคล้อย
– เหมาะกับคนที่ต้องการให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
– เหมาะกับคนที่ต้องการให้ผิวหน้าชุ่มชื้น
ผิวอิ่มฟู อย่างเป็นธรรมชาติ
Sculptra

Sculptra โปรแกรม Sculptra หรือสาร hyalulonic acid งานผิวตัวใหม่ที่สุด เป็นอนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA) คือ สารอุ้มน้ำที่มีความเข้ากันได้กับเนื้อเยื่อ ในร่างกายของมนุษย์ และสามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ เนื่องจากย่อยสลายเป็น H2O, Co2 และ Lactic acid จัดอยู่ในกลุ่ม Collagen Biostimulator เป็นสารที่ใช้ในการฉีดกระตุ้น ให้เกิดการสร้างคอลลาเจนของตัวเอง ตามกระบวนการธรรมชาติ ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว โดยทำให้ผิวแน่นอิ่มฟู ยกกระชับบริเวณผิวหย่อนคล้อย ทั้งยังช่วยในการปรับปรุงคุณภาพผิวให้ดียิ่งขึ้น
คอลลาเจนนับเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของผิวหนัง ซึ่งมีสัดส่วนในผิวหนังสูงถึง 80% ทั้งยังเป็นโครงสร้างสำคัญของเนื้อเยื่อต่างๆ ในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังกระดูก กล้ามเนื้อ เล็บ เอ็น รวมทั้งข้อ โดยการทำโปรแกรม Sculptra จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวชั้นลึก เติมเต็มร่องลึกบนใบหน้าให้เต็มมากยิ่งขึ้น เพิ่มความสว่างกระจ่างใสให้กับผิวหน้า ลดและกำจัดริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพทั้งยังช่วยยกกระชับใบหน้าให้มีความเต่งตึงมากยิ่งขึ้น
โปรแกรม Sculptra เหมาะกับใครบ้าง ?
• ผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย
• ผู้ที่ผิวไม่เต่งตึงเหมือนตอนวัยเยาว์ที่ต้องการคืนความอ่อนเยาว์
• ผู้ที่ผิวขาดความยืดหยุ่นไม่กระชับ
• ผู้ที่มีกรอบหน้าไม่ชัด
• ผู้ที่มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดซึ่งเกิดขึ้นตามวัย
• ผู้ป่วยที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติอย่างยาวนาน
Rejuran

Rejuran คือ Skin rejuvenation booster ที่ช่วยในการซ่อมแซมของผิวจากภายในสู่ภายนอก โดยวิธีการนำปลาแซลมอนที่เกิดและเติมโตตามธรรมชาติ (Wild Salmon) มาสกัดสารเฉพาะตัว ที่เรียกว่า โพลีนิวคลีโอไทด์ (Polynucleotid) หรือสามารถเรียกอีกชื่อได้ว่า PN อาจเรียกได้ว่าเป็นเซลล์สืบพันธ์ุของปลาแซลมอน (ในทางวิทยาศาสตร์หมายถึงเซลล์อสุจิปลาแซลมอน) ซึ่งนับเป็น DNA ที่มีความบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก ในที่นี้มีความเข้มข้นอยู่ที่ 2% ซึ่งเมื่อกำจัดแอนติเจนหรือโปรตีนที่อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อภูมิคุ้มกัน ด้วยเทคโนโลยีเฉพาะที่จดสิทธิบัตร DOT หรือ (Dottechnology) จึงทำให้ได้รับความเชื่อมั่นไปทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยต่อผิวหนังและใบหน้าเป็นอย่างมาก
Rejuran ช่วยอะไรบ้าง ?
1.ฟื้นฟูผิว โดย Rejuran จะเข้าไปช่วยกระตุ้นการฟื้นฟูผิวด้วยการสร้างความแข็งแรงและเพิ่มเกราะให้แก่ผิวจากภายใน และยังช่วยแก้ปัญหาผิวที่เกิดจากความเสื่อมสภาพตามอายุได้ เช่น ริ้วรอยบนใบหน้าและลำคอ แผลเป็น หลุมสิว รูขุมขนกว้าง รวมถึงลดรอยแดง รอยคล้ำ หากเป็นผิวเสื่อมสภาพที่ตกค้างอยู่ Rejuran ก็จะมีหน้าที่ช่วยผลัดให้หลุดออกได้โดยง่ายเพื่อให้เกิดการสร้างผิวใหม่ ทั้งยังช่วยลดความมันบนใบหน้า เนื่องจากรูขุมขนกระชับขึ้นนั่นเอง
2.เพิ่มความยืดหยุ่น Rejuran จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ ทำให้ฟื้นฟูผิวหนังแท้ ให้มีความหนาแน่นขึ้น ด้วยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน เป็นการซ่อมแซมผิวจากภายใน และเมื่อผิวหนังเพิ่มคอลลาเจนและอีลาสตินทำให้ความยืดหยุ่นของผิวเพิ่มมากขึ้น โดยจะเห็นได้ชัดว่าผิวมีความยกกระชับ นอกจากนี้ Rejuran ยังช่วยลดเลือนริ้วรอยที่มีขนาดเล็กบนผิวหน้าได้อีกด้วย
3.ปรับสีผิว Rejuran ช่วยทำให้สีผิวดีขึ้น จากการวิจัยพบว่า สามารถลดการสร้างเม็ดสีได้ในระดับเซลล์ ช่วยควบคุมการหลั่งโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับยีนที่ควบคุมการสร้างเม็ดสีให้ลดลง จึงช่วยลดฝ้ากระ รวมทั้งเพิ่มความกระจ่างใสของผิว ช่วยลดรอยดำ ความหมองคล้ำ รอยแผลจากสิวให้แลดูจางลง ช่วยให้ผิวหน้าฉ่ำวาว ผิวมีความเงาเหมือนกระจก ผิวโกลว์สุขภาพดีเรียบเนียนเหมือนสาวเกาหลีแบบที่ใครๆ ต้องการ
4.เติมเต็ม อาจเรียกว่าการเติมเต็มไม่ได้เสียทีเดียว แต่เป็นการทำให้หลุมสิวดูตื้นขึ้น โดยแพทย์บางท่านเลือก Rejuran ในการรักษาหลุมสิว โดยวิธีการฉีดเน้นบริเวณหลุมสิว ร่วมกับเทคนิคเฉพาะตัวของแพทย์ เพื่อให้เข็มและ Rejuran เข้าไปช่วยเซาะผังผืดหลุมสิวที่อยู่บริเวณใต้ผิวหนังหลุดออกและทำให้ผิวกลับมาดูเต็มขึ้นอีกครั้ง ในกรณีนี้สามารถใช้เติมเต็มรอยแผลเป็นที่ไม่ได้มีความลึกมากได้อีกด้วย
Radiesse

Radiesse เป็นสารกระตุ้นคอลลาเจนชั้นดี ด้วยนวัตกรรมล่าสุดที่จัดอยู่ในกลุ่มสารเติมเต็มมีส่วนประกอบหลักที่สำคัญไม่ใช่ HA หรือ Hyaluronic acid เหมือนฟิลเลอร์ทั่วไปแต่เป็น สารแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ ( CaHA: Calcium Hydroxylapatite microsphere ) โดยคนมักจะเรียกชื่อตามตัวย่อ CaHA กันว่า “คาห้า ไมโครเฟียร์”เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ โดยแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์ จัดเป็นจุดขายของโปรแกรม Radiesse Filler Collagen Stimulator ที่ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวของใบหน้า โดยเมื่อคนเราเริ่มมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น การผลิตของคอลลาเจนที่อยู่ในบริเวณใต้ชั้นผิวนั้น จะทำการผลิตตัวได้น้อยลงและช้าลง และการทำลายของคอลลาเจนก็มากขึ้นเช่นกัน จึงเกิดการส่งผลให้ผิวหนังของคนเรามีปัญหาอย่างกล่าวข้างต้น
โดยโปรแกรม Radiesse Filler จะเข้าไปช่วยในการเข้าไปทำการกระตุ้น กระบวนการการสร้างคอลลาเจน ใต้ชั้นผิวที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกาย ในการสร้างคอลลาเจนใหม่บริเวณใต้ผิวหนังให้ทำงานได้ดี และเร็วมากขึ้นจึงทำให้ผิวเกิดความแข็งแรง แน่น ช่วยในการทำให้ใบหน้ายกกระชับโปรแกรม Radiesse Filler ยังช่วยในการฟื้นฟูผิว ในการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินจึงช่วยในการช่วยลดริ้วรอย เนื่องจากแคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทด์นั้น เป็นส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อกระดูกซึ่งมีทั้งที่ร่างกายผลิตได้เอง และแบบสังเคราะห์ ซึ่งมีประโยชน์ไม่ต่างกัน จึงส่งผลให้เข้ากันกับร่างกายได้เป็นอย่างดี ทั้งยังทำให้ร่ายกายเกิดการซึมซับได้ง่ายนั่นเอง
สามารถแบ่งลักษณะของโปรแกรม Radiesse Filler ทั้งสองรุ่นได้ดังนี้
• โปรแกรม Radiesse Filler ®
โปรแกรม Radiesse Filler ® เป็นฟิลเลอร์ที่มีความโดดเด่นด้านการฟื้นฟูริ้วรอยร่องลึก ช่วยเสริมให้ใต้ผิวสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินได้มาก ทั้งยังลดปัญหาด้านการสูญเสียไขมันบนใบหน้าสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวที่เกี่ยวกับไขมัน เช่น HIV Lipoatrophy) นิยมใช้ฉีดในบริเวณ รอยพับ ร่องลึก มือ หรือเนินอกเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและทำให้ผิวมีความควบแน่นและหนามากขึ้นได้
• โปรแกรม Radiesse Filler ®(+)
โปรแกรม Radiesse Filler ®(+) เป็นฟิลเลอร์ที่ใช้เก็บรายละเอียดเล็กน้อยๆ อีกขั้นหนึ่ง เช่นริ้วรอยเล็กๆ บนใบหน้าที่ต้องการความละเอียดที่มากกว่า อีกทั้งโปรแกรม Radiesse Filler ®(+) ยังเป็นฟิลเลอร์ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีเพื่อป้องกันการบาดเจ็บใต้ผิวหนังจึงมีการผสม lidocaine หรือยาชาในตัวโปรแกรม Radiesse Filler เพื่อบรรเทาความเจ็บเมื่อทำการฉีดโปรแกรม Radiesse Filler ®(+) สู่ผิวหนัง
Ultracol

Ultracol หรือไหมน้ำ เป็นสาร PDO หรือ Polydioxanone microsphere โดย โปรแกรม Ultracol หรือไหมน้ำ จะใช้วัสดุเดียวกับไหมที่ใช้ในการเย็บแผลภายในร่างกายโดยไหม PDO นั้นถูกใช้อย่างแพร่หลายในวงการแพทย์มานานมากกว่า 50 ปีแล้ว วัสดุ PDO หรือ Polydioxanone ในโปรแกรม Ultracol นั้นเป็นวัสดุที่ผ่านการรับรองจาก USFDA แล้วว่ามีความปลอดภัยสูง สามารถทำการสลายเองได้โดยไม่ตกค้างบนผิวหนังและสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาค
ข้อดีของ Ultracol หรือไหมน้ำ ?
1.สามารถเติมเต็มผิวหน้าได้เทียบเท่าสารเติมเต็ม
2.สามารถยกกระชับใบหน้าได้เหมือนการร้อยไหม
3.ไม่ต้องทำการผ่าตัด
4.ไม่ต้องพักฟื้น
5.ปลอดภัยได้สลาย 100 %
6.ช่วยในการสร้างคอลลาเจนของตัวเองซึ่งอยู่ใต้ผิวได้นาน
Ultracol หรือไหมน้ำช่วยอะไรได้บ้าง ?
1.ริ้วรอย (wrinkles)
2.ยกกระชับผิว และใบหน้า (Lifting)
3.คุณภาพผิวที่ดีขึ้น สวยขึ้น (Skin quality)
4.ติมเต็มจุดบกพร่องของผิวให้ดูเต็มอิ่มอย่างเป็นธรรมชาติ (Naturally fill)
5.เพิ่มความยืดหยุ่นและความหนาแน่นของชั้นผิว (Dermal density)
6.พิ่มความกระจ่างใสปรับผิวดูมีออร่า (skin radiance)
7.เพิ่มความอวบอิ่ม เด้งฟูของผิว (Collagen)
8.เพิ่มความแข็งแรงให้กับผิวตั้งแต่ชั้นโครงสร้างเพื่อให้ส่งผลถึงผิวด้านบน
Lenisna

Lenisna คือ สารประเภท Hybrid biostimulator อันประกอบไปด้วย สาร PDLLA 170 มก. และ Noncrosslinked HA หรือ HA ที่มีความเหลวแต่คงตัวได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ไม่ก่อให้เกิดการตกค้างหลังจากทำการฉีดไปแล้ว โปรแกรม Lenisna เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความปลอดภัยสูงมากสำหรับการฉีดลงสู่ใต้ชั้นผิว เนื่องจาก โปรแกรม Lenisna นั้นได้มีการผ่านการรับรอง CE Mark อย่างถูกกฎหมายจาก KFDA รวมทั้งยังได้ อย.ประเภทเครื่องมือแพทย์ในแบบฉีดอีกด้วย
Lenisna ช่วยอะไร ?
ผลลัพธ์หลังจากการฉีดฟื้นฟูโครงสร้างผิวด้วยโปรแกรม Lenisna คือ การเข้าไปช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน ที่บริเวณใต้ชั้นผิว ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยโปรแกรม Lenisna นั้นก่อให้เกิดผลลัพธ์ของผิวทั้งด้านของ Skin Rejuvenation คือการฟื้นฟูผิวรวมทั้งโครงสร้างผิว และ Volume Augmentation คือการเพิ่มความหนาแน่นของผิวและปริมาตรของผิว ปรับผิวให้กระจ่างใส นุ่มนวล แข็งแรงเปล่งปลั่ง อวบอิ่มและกระชับแน่นโดยมีระยะเวลาในการคงผลลัพธ์ใต้ผิวนานถึง 2 ปีทั้งยังมีการออกแบบมาโดยเฉพาะให้ใช้ได้ในบริเวณที่บอบบางเช่น รอบดวงตา หรือการฉีดแบบเมโสเทอราพีในบริเวณบนใบหน้า ลำคอ และเส้นรอยขีดที่ลำคอจึงเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของโปรแกรม Lenisna
ใครเหมาะกับการฉีด Lenisna ?
1.เหมาะกับผู้ที่มีวัย 40 ปีขึ้นไปที่มีริ้วรอย
2.เหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความหนาแน่นของโครงสร้างผิว
3.เหมาะกับผู้ที่ต้องการมีผิวที่ตึงกระชับจากชั้นโครงสร้าง
4.เหมาะกับผู้ที่ผิวเริ่มหย่อนคล้อยหรือฝ่อตัว
5.เหมาะกับผู้ที่ผิวมีรอยแตกลาย
6.เหมาะกับผู้ที่มีผิวคล้อย ห้อย
7.เหมาะกับผู้ที่มีรูขุมขนกว้าง
8.เหมาะกับมีแผลที่ต้องการสมาน
Juvelook

JUVELOOK (จูวีลุค) เป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นจากคอลลาเจนบูสเตอร์ที่ได้รับการผสมผสานกันเกิดขึ้นระหว่าง 2 อานุภาคที่ส่งผลให้ผิวสวยและแข็งแรงอย่างกรดไฮยาลูโรนิกแอซิคประเภท Noncrosslinked (Hyaluronic Acid) ที่มีในฟิลเลอร์ และ Poly D, L Lactide ที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวเพื่อให้เข้าไปสู่ใต้ชั้นผิวด้วยขนาดอนุภาคตั้งแต่ 10 ถึง 40 ไมโครเมตร เป็นสารบริสุทธิ์ที่ไม่ผ่านการตัดแต่งพันธุกรรมและยังเป็นไอโซเมอรมีความเข้ากันได้ดีกับร่างกายมากที่สุดอีกด้วย
JUVELOOK จึงช่วยในการกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนที่อยู่บริเวณใต้ชั้นผิวให้ผิวมีความสวยงาม ชุ่มชื้น อิ่มฟู ปรับสีผิวให้สว่างกระจ่างใส ทั้งยังปรับให้ริ้วรอยต่างๆ หรือตำหนิของผิวดูจางลงและดูน้อยลง นอกจากนี้ยังช่วยในการเติมเต็มร่องลึก ลดรอยแผลเป็น รักษาหลุมสิว ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการเพิ่มความหนาแน่น กระชับเต่งตึงของผิว ด้วยลักษณะของผลิตภัณฑ์ ที่มีลักษณะเป็นวงกลมขนาดไมโคร ที่มีรูอยู่โดยรอบ คล้ายกับฟองสบู่ จึงทำให้ในเวลาที่ฉีดลงสู่ใต้ชั้นผิวจึงไม่ทำให้เกิดลักษณะเป็นก้อนหรือตกค้างไม่เพียงเท่านั้นไฮโดรเจลของ HA จากโปรแกรม JUVELOOK ยังมีความเหนียวและแน่นเป็นอย่างมากจึงทำให้ในเวลาที่ฉีดลงสู่ใต้ผิวหนังแล้วไม่เกิดการเคลื่อนตัวไปจากบริเวณที่ฉีด
โปรแกรม JUVELOOK ช่วยเรื่องอะไร ?
1.ช่วยในเรื่องของการปกป้องและป้องกันริ้วรอย โดยจะช่วยลดริ้วรอยที่มีขนาดเล็กของผิว
2.ช่วยในเรื่องปรับรูขุมขนที่กว้างให้มีขนาดเล็กลง
3.ช่วยในเรื่องสร้างความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนัง
4.ช่วยในการชะลอความแก่ของผิวหนัง
5.ช่วยในการเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ผิว
6.ช่วยในการปรับรอยแผลเป็นจากสิว และริ้วรอยแดง รอยดำต่างๆ ให้ดูจางลง
7.ช่วยในการปรับให้ผิวมีความเรียบเนียน
8.ช่วยในผิวมีความแน่นและยกกระชับมากยิ่งขึ้น
9.ช่วยในการกระตุ้นให้เกิดการสร้างไฟโบรบลาสหรือเซลล์ที่เป็นตัวกระตุ้นคอลลาเจนและอิลาสตินให้ดียิ่งขึ้น
Exosome

exosome (เอ็กโซโซม) คือ สารชีวโมเลกุลกว่า 1,000 ชนิด โดยมีตัวที่สำคัญต่อผิว เช่น Growth Factors, Peptides, Amino Acids, Coenzymes, Hyaluronic Acids และโปรตีนต่าง ๆ มากมาย ที่ถูกปล่อยออกมาจากสเต็มเซลล์ (Stem cell) ในรูป exosome บริสุทธิ์ ที่มีขนาดอนุภาคเล็ก ลักษณะเป็นถุงทรงกลมขนาดเพียง 30-100 นาโนเมตร เล็กกว่าเซลล์ทั่วไปถึง 1/1,000 เท่า
exosome (เอ็กโซโซม) ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?
- ลดริ้วรอย ผิวตึงกระชับ ยืดหยุ่น ดูอ่อนเยาว์ และป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่
- ยับยั้งการเกิดเม็ดสี ฝ้า กระ จุดด่างดำ รอยดำ รอยแดง
- ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู ฉ่ำเด้ง ดูสุขภาพดี
- ปรับผิวเรียบเนียน ลดรอยแผลเป็น ลดริ้วรอยและรักษาหลุมสิวตื้นขึ้น
- กระชับรูขุมขนให้เล็กลง ผิวดูเรียบเนียนขึ้น
- ฟื้นฟูผิวแข็งแรงจากภายใน รักษาสิว ลดผิวอักเสบ ผิวแพ้ง่าย