คลินิกรักษาฝ้า รักษาหลุมสิว เลเซอร์ปากชมพู กับประสบการณ์การรักษากว่า 10 ปี

Beauty is success

02-320-2141

11:00 – 20:00 น.
11:00 AM – 08:00 PM

MADE Collagen มาเด้คอลลาเจน

WOW CLINIC

MADE Collagen   มาเด้คอลลาเจน

หลายคนรู้จักการฉีดเมโสหน้าใสเป็นอย่างดี ฉีดแล้วหน้าใส ช่วยให้สิว ฝ้าดีขึ้น

มาเด้คอลลาเจนคืออะไร?
พูดง่ายๆก็คือเมโสหน้าใสตัวที่ดีที่สุดในขณะนี้ และกำลังฮอทฮิตมากขึ้นเรื่อยๆเพราะสาเหตุใด มาติดตามอ่านกันได้เลย 

แล้วมาเด้ทำจากอะไรหละ? ช่วยให้หน้าใสและรักษาปัญหาผิวได้ครอบจักรวาลจริงหรือไม่ ?!

มาเด้คอลลาเจนผลิตจาก สารสกัดจากธรรมชาติ ทั้งวิตามิน เอ็นไซม์ แร่ธาตุ พลาเซนต้า คอลลาเจน รวมไปถึงเซลล์บำบัด มาเด้ใช้หลักการของโฮมีโอพาธีย์ (Homeopathy) ซึ่งแพทย์ทางยุโรปใช้กันมาก เพราะไม่ต้องเสี่ยงแพ้ยาแผนปัจจุบันที่ทำมาจากสารเคมี ศาสตร์โฮมีโอพาธีย์นี้ใช้หลักการบำบัดโรคโดยใช้สารต้นเหตุของโรคนั้นๆมาแก้อาการ

ใช้สิ่งที่คล้ายกันมารักษากัน หรือพิษต้านพิษ”

มาเด้เตรียมโดยการใช้สารที่เป็นสาเหตุของโรค นำมาในปริมาณน้อยๆโดยไม่เป็นพิษกับร่างกาย มาเจือจางในน้ำบริสุทธิ์และนำมาผ่านกระบวนการเพิ่มพลังงานให้การออกฤทธิ์ของสารนั้นมากขึ้นเพื่อต่อต้านโรคที่เกิดจากสารนั้นได้ คล้ายกับการเตรียมวัคซีนนั่นเอง

มาเด้กับการฉีดมาเด้ที่ถูกต้องตามหลักที่สมาคมแนะนำคือ

ใช้ตัวยาที่ครบโดส จะประกอบไปด้วย มาเด้ 2ซีซี และคอลลาเจน 2ซีซี ทั้งมาเด้และคอลลาเจนจะทำงานประสานกันและส่งเสริมซึ่งกันและกันในการรักษา ถ้าหากแยกกันฉีดหรือแบ่งแบ่งตัวยาในการฉีดไม่ครบโดส อาจทำให้ผลการรักษาจะไม่ดีเท่าที่ควร หรือไม่ได้ผล
โดยจะฉีดเข้าผิวหน้าบริเวณที่มีต่อมน้ำเหลืองรวมตัวกันหนาแน่น ฉีดเป็นตุ่มนูน 16จุด ซึ่งทั้ง 16 จุดนี้ยังเป็นจุดผังเข็มตามตำราแพทย์แผนจีนอีกด้วย  ถือเป็นการผสมผสานหลักการรักษาทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออกอย่างลงตัวผลการรักษาจึงดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ 
การฉีดแบบสะกิดผิวหน้าให้เป็นหยดน้ำเกาะบนผิว อาจไม่ได้ผลจากการรักษาอย่างเต็มที่ เนื่องจากตัวยาไม่ได้ไปดีท็อกซ์บริเวณต่อมน้ำเหลืองที่จุดฝังเข็มทั้ง 16 จุด หร่ือได้ผลไม่ต่างอะไรกับการฉีดเมโสแบบเก่า

*** โปรดระวังมาเด้ปลอมและการแบ่งตัวยามาฉีดควรสังเกตว่าได้ยาครบโดส คือ ซีซี มิเช่นอาจไม่เห็นผลเสียทั้งเงินและเวลา หรืออาจทำให้เกิดอาการแพ้และผิวหนังติดเชื้อได้***

 

มาเด้รักษาปัญหาผิวได้เกือบทุกปัญหาจริงหรือ?

ตามหลักการฝังเข็มการฉีดมาเด้ทั้ง 16 จุด ทำให้เพิ่มพลังลมปราณให้ผิวหน้า เลือดลมไหลเวียนดีขึ้น ทำให้ผิวใสขึ้น เพิ่มการสร้างคอลลเจน ผิวหน้าจึงกระจ่างใส และดีท็อกซ์สารพิษและกำจัดเชื้อแบคทีเรียออกได้ง่าย จึงช่วงเรื่องสิว และฝ้า กระได้ดี
อีกเหตุผลหนึ่งการฉีดมาเด้คอลลาเจนเป็นการเติมวิตามินและกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำเหลืองเปรียบเสมือนการดีท็อกซ์ หลังจากการดีท็อกซ์แล้วทำให้เม็ดเลือดขาวที่ไปเก็บกินเม็ดสีส่วนเกินและลำเลียงเม็ดสีออกไปทิ้งทำงานได้ดียิ่งขึ้น ผิวหน้าจึงกระจ่างใส ฝ้ากระและจุดด่างดำลดลง อีกทั้งการทำงานส่งเสริมกันของมาเด้และคอลลาเจนที่ฉีดเข้าไปจะกระตุ้นการทำงานของเซลล์ผิวของคนไข้ให้สร้างคอลลเจนเองได้มากขึ้น ผิวจึงชุ่มชื้นเต่งตึง ริ้วรอยเหี่ยวย่นดูลดลง หรือแม้กระทั่งหลุ่มสิวดูเรียบขึ้นเป็นผลจากการทำงานกระตุ้นให้คอลลาเจนใต้ผิวอิ่มฟูนั่นเอง

มาเด้เหมาะกับใคร?

  • คนที่มีปัญหาสิวเรื้อรัง สิวดื้อยา จำเป็นต้องรักษาสิวแต่ไม่ทานยา แพ้ยารักษาสิว
  • คนที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย ผดผื่นคัน หน้าแดง แพ้ง่าย แห้งลอกขุย ผิวแห้งไม่ชุ่มชื้น ผิวติดสารเสตียรอยด์
  • คนที่มีปัญหาฝ้า กระ ฝ้าเรื้อรัง ฝ้าดื้อยา ฝ้าแดด ฝ้าที่ต้องการรักษาควบคู่กับการทำเลเซอร์
  • ปัญหาอื่นๆเช่น ริ้วรอยเหี่ยวย่น รอยหลุมสิว รูขุมขนกว้าง ปรับสมดุลหน้ามัน


มาเด้ต้องเข้ารับการรักษาบ่อยแค่ไหน?

โดยทั่วไปจะแนะนำให้คนไข้มารับการรักษาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกันประมาณ 3-4 สัปดาห์ จนเห็นได้ชัดเจนว่าสภาพผิวหน้าดีขึ้น ผลการรักษาอาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล เนื่องจากพื้นฐานผิวและปัจจัยที่มาทำร้ายผิวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน และอายุของผิวก็มีส่วนสำคัญ ในคนที่อายุน้อย ผิวยังไม่ถูกทำร้ายมาก สารพิษสารเคมีสะสมน้อย ปัญหาผิวไม่มาก หลังรักษา 1-2 ครั้งแรกจะเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจน แต่ในคนที่มีอายุมากขึ้นย่อมมีปัญหาผิวมาก ทั้งเรื่องฝ้า กระ ริ้วรอย หรือผิวแพ้ง่าย จะเห็นผลช้ากว่า ส่วนใหญ่ไม่เกิน 4-5 ครั้ง จะบอกว่าเห็นผลชัดเจนขึ้น เมื่อคนไข้เห็นผลจากการรักษาเป็นที่พอใจแล้วสามารถเข้ารับการรักษาห่างขึ้น 2 สัปดาห์ครั้งหรือ 1 เดือนครั้งก็ได้ แนะนำให้รักษา 10 ครั้งขึ้นไป จะส่งผลให้สุขภาพผิวดีขึ้น อยู่ได้นาน 1-2 ปี ทั้งนี้ขึ้นกับปัญหาของคนไข้และความพึงพอใจด้วย บางคนอยากบำรุงผิวให้ผิวใสต่อเนื่อง ป้องกันริ้วรอยสามารถมาฉีดติดต่อกันได้ทุกสัปดาห์ โดยไม่มีดื้อยา ติดยาหรือก่อให้เกิดอาการแพ้ เนื่องจากส่วนผสมเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ

บทความโดยนพ.ธีรทัศน์ สำเภาเงิน แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพและแพทย์ประจำ WOWClinic